อยากขาวต้องทำไง เรามี วิธีทำให้ขาว ที่ได้ผลจริงมาบอกต่อ
อยากขาวต้องทำไง กับ วิธีทำให้ขาวที่ได้ผลจริงมาบอกต่อกัน . . . ถ้าจะพูดถึงสภาพอากาศของประเทศไทยแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องพูดถึงอากาศที่ร้อนจนแทบทนไม่ไหว เพราะไม่ว่าจะฤดูไหนเวลาไหนแดดก็แรงไม่ปราณี ไหนจะปัญหามลภาวะต่าง ๆ จากสิ่งรอบตัวที่ทำให้หลาย ๆ คนประสบปัญหาผิวขาวน้ำ แห้งกร้าน และปัญหาใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นปัญหาคล้ำเสียจากแสงแดดที่ทำร้ายผิวสวย ๆ ของเราให้หมองคล่ำ ไม่น่าดู แม้ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงอย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับแสงแดดให้มากขึ้น พร้อมวิธีรับมือกับแสงแดดและเคล็ดลับดี ๆ อีกมากมายที่จะช่วยดูแลผิวพรรณของคุณยังไงให้ขาวสวย สุขภาพดีมีน้ำมีนวลอยู่เสมอค่ะ
สารบัญบทความ
มาความรู้จักกับแสงแดดกันหน่อยดีกว่า
ก่อนอื่นเราก็ต้องมาทำความรู้จักกับแสงแดดกันให้ดีเสียก่อน เพราะแสงแดดนั้นไม่ได้แค่ทำให้เราผิวหมองคล้ำแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังแฝงอันตรายมากกว่าที่เราคิด เพราะแสงแดดที่ส่องมายังโลกนั้นแฝงมาด้วยรังสีหลายชนิด ทั้งที่สามารถมองเห็ นได้ด้วยตาเปล่า แสงอัลตราไวโอเลต แสงอินฟราเรด ซึ่งแสงที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังมากที่สุด คือแสงอัลตราไวโอเลตหรือที่เราเรียกว่า UV แสงยูวีนั่นเอง แสงอัลตราไวโอเลตหรือ แสงยูวี นั้นสามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ที่ทำร้ายผิวเรามากที่สุดคือแสง UV-A และ แสง UV-B
แสง UVB – มีประมาณ 5% ในแสงอาทิตย์ เป็นรังสีต้นเหตุที่ทำให้เกิดผิวไหม้แดด เกรียมแดด เมื่อเราออกไปอยู่กลางแจ้ง เมื่อรับรังสีไปนาน ๆ ก็ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังได้
แสง UVA – เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นยาวกว่า รังสี UVB และ ในแสงแดดจะมี UVA มากถึง 95% รังสีชนิดนี้ จะเข้าสู่ผิวหนังชั้นผิวหนังแท้ของเรา สามารถไปกดภูมิต้านทานของผิวหนัง ทำให้ร่างกายไม่สามารถปกป้องผิวจากการเกิดและแพร่กระจายของมะเร็งผิวหนังได้ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ผิวแก่ก่อนวัย รอยเหี่ยวย่อน ตีนกา และไฝแดด
ทั้งนี้ช่วงเวลาที่มีรังสีอัตราไวโอเลตมากๆ คือ เวลาประมาณ 10.00-15.00 น. เป็นเวลาที่แสงแดดมีความรุนแรงมากที่สุดและเมื่อผิวโดนรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานานๆ ผิวของเราก็จะสร้างสารเมลานินหรือเม็ดสีที่ทำให้ผิวของเราเข้มขึ้น กล่าวคือยิ่งอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ก็จะยิ่งสร้างเม็ดสีมากขึ้น ผิวจึงคล้ำมากยิ่งขึ้นอีกนั่นเอง
ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผิวไม่ขาวใส ดูหมองคล้ำ
นอกจากแสงแดดแรง ๆ จะทำร้ายผิวของเราได้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ผิวของเราหมองคล้ำโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเราจึงควรรู้ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวสวยๆของเราหมองคล้ำจากสาเหตุเหล่านี้ซะก่อน การป้องกันปัจจัยที่ส่งผลให้ผิวคล้ำเป็นอีก วิธีทำให้ขาว ทางอ้อม แน่นอนว่าการป้องกัน ย่อมดีกว่าการแก้ไข จริงไหมคะ^_^
คลิกที่บาร์แล้วเลื่อน <-|-> เพื่อดูข้อมูล
1. ความเครียด
หลาย ๆคนอาจจะงงว่าความเครียดจะทำให้ผิวของเราหมองคล้ำได้อย่างไร? แต่ความเครียดนี่แหละที่เป็นสาเหตุหนึ่งของผิวหมองคล้ำไม่สดใส (แถมสิวยังถามหาอีกต่างหาก) นอกจากนี้หากเครียดหนักมากจนถึงขั้นนอนไม่ค่อยหลับตอนกลางคืนบ่อยๆ ฮอร์โมนแห่งความอ่อนเยาว์ ก็จะไม่หลั่งออกมา กระบวนการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่สึกหรอก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผิวจะมีสภาพหมองคล้ำและเสื่อมโทรมเร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ [1]
2. พฤติกรรมเสี่ยงผิวเสีย
ไม่ว่าจะเป็น การดื่มน้ำน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้เรื่องอาหารการกินที่เลือกรับประทานแต่ของไม่มีประโยชน์ ก็ส่งผลเสียต่อผิวทั้งนั้น และก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น หน้าหมองคล้ำ, ไม่สดใส, ไร้ชีวิตชีวา, หย่อนคล้อย, และแก่ก่อนวัยได้ แน่นอนว่าหากเรามีพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ทำให้ผิวหมองคล้ำ และไม่แก้ไข ต่อให้อยากขาวแค่ไหน ก็อาจเป็นได้แค่ฝันนะคะ [2]
3. การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล
แน่นอนสูบบุหรี่นอกจากจะไม่ดีต่อร่างกายแล้ว ควันบุหรี่ยังทำลายออกซิเจนในผิว สร้างอนุมูลอิสระในร่างกาย รวมทั้งทำให้หน้าหมองคล้ำ แห้งกร้าน ดูแก่กว่าวัย และทำให้ผิวมันมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้นิโคตินในบุหรี่ยังทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี และทำให้ประสิทธิภาพของหลอดเลือดในการดูดซับวิตามินต่างๆลดลง โดยเฉพาะวิตามินซี ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวแห้งและหยาบกร้านเรียกได้ว่าทำร้ายผิวสุด ๆ ส่วนการดื่มแอลกอฮอลก็ส่งผลทำให้ผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน และหมองคล้ำได้เช่นกัน [3]
4. แสงอันตรายจากจอคอม
สำหรับใครที่ต้องทำงานหน้าจอคอมบ่อย ๆ หรือชอบใช้ โทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ท ต้องระวังให้ดี ๆ เพราะคอมพิวเตอร์และแสงจอจากอุปกรณ์ต่าง ๆ นี้สามารถที่จะปล่อยรังสี high-energy visible light (HEV หรือที่รู้จักกันในชื่อสั้นๆว่า Blue-Light) รวมไปถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ผิวหมองคล้ำได้ มากกว่า UVA, UVB จากแสงพระอาทิตย์ซะอีก ซึ่งทั้งสองสาเหตุนี้มีส่วนทำให้ผิวของคุณหมองคล้ำไม่แพ้จากการโดนแดดจากภายนอกเลยทีเดียว [4]
5. สภาพอากาศ
ใครที่ชอบอยู่ในห้องแอร์นานต้องระวังให้ดี เพราะ อากาศที่หนาวเย็นจะดูดซับความชุ่มชื้นไปจากผิว เนื่องจากอากาศภายในห้องมีความชื้นต่ำ โดยสภาพผิวที่แห้งมาก ๆ อาจทำให้ผิวแห้งและแตกเป็นขุย ส่งผลให้หน้าหมองคล้ำ รวมไปถึงปัญหาผิวอื่น ๆ อีกด้วย [5]
6. การแต่งหน้าบ่อย
การแต่งหน้าบ่อย ๆ เป็นประจำนอกจะทำให้ผิวมีริ้วรอยไว้ขึ้นแล้ว หากล้างไม่สะอาดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพแล้วก็ย่อมส่งผลเสียต่อผิวหนังด้วย โดยเฉพาะเครื่องสำอางยอดฮิตอย่างแป้ง, บีบีครีม หรือครีมรองพื้น หากทาซ้ำบ่อยๆ โดยไม่ล้างหน้าทำความสะอาดช่วงเย็นก่อนเข้านอน หรือล้างแล้วแต่ออกไม่หมด อาจทำให้ผิวไม่ได้พักและหายใจ สร้างสิ่งอุดตันให้ผิวเกิดสิวและทำให้ผิวหมองคล้ำในที่สุด นอกจากนี้การที่เราเช็ดเครื่องสำอางบ่อย ๆ หลาบ ๆ ครั้ง สำลีที่เสียดสีหน้ายังทำให้เกิดริ้วรอย และเคมีในคลีนเซอร์ก็มีส่วนทำให้ผิวบาง ส่งผลให้หมองคล้ำได้ง่ายอีกด้วย [6]
7. การผลัดเซลล์ผิวช้า
โดยปกติเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วมักหลุดลอกออกไปได้เองและจะผลัดเซลล์ผิวใหม่ทุก 28 วัน แต่เมื่ออายุของเรามากขึ้น ทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติค่อยๆ ลดลงนั่น ทำให้เซลล์ผิวเสียที่สะสมไว้จะทำให้ผิวคล้ำเสียขึ้นนั่นเอง [7]
10 วิธีทำให้ขาวใส แบบธรรมชาติ
คลิกที่บาร์แล้วเลื่อน <-|-> เพื่อดูข้อมูล
หลังจากที่เราทำความรู้จักกับปัจจัยและสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้ให้ผิวเสียแล้ว คราวนี้ลองมาดูกันบ้างดีกว่าว่าเราจะปฎิบัติตัวยังไง เพื่อรักษาผิวสวย ๆ ของเราไม่ให้หมองคล้ำ หรือสำหรับใครที่ผิวคล้ำอยู่แล้วแต่อยากมีผิวที่ขาวมากขึ้น ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ดูค่ะ รับรองนอกจากผิวจะขาวขึ้นแล้วยังสวยเป็นธรรมชาติอีกด้วย
1. ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด
ผลิตภัณฑ์กันแดดถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยปกป้องผิวของเราจากแสงและรังสีต่าง ๆ ได้ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในร่ม กลางแดดแสงหรือแม้กระทั้งวันที่ไม่มีแดด รังสีเหล่านี้ก็สามรถตามไปหลอกหลอนเราได้อยู่เสมอ โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ป้องกันผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบีได้ ซึ่งควรมีค่าป้องกันแสงแดด (SPF) 15 ขึ้นไป สำหรับผู้ที่ออกแดดบ่อย ๆ แนะนำว่าควรเลือก ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไปจะดีที่สุด นอกจากนี้หากออกแดดแรง ๆ นาน ๆ ก็ควรทาซ้ำ ๆ ทุก 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อคงประสิทธิภาพให้ยาวนานขึ้น
2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ผิวสวยสุขภาพดีสำคัญที่สุดต้องมาจากภายใน ดังนั้นการรับประทา่นอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอาหารเหล่านี้นอกจะเปลี่ยนเป็นพลังงานให้กับร่างกายแล้ว ยังมีสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่สำคัญในการบำรุงร่างกายและผิวอีกด้วย โดยเฉพาะการรับประทานผักผลไม้สด ที่มีวิตามินจากธรรมชาติมหาศาลช่วยฟื้นฟูและบำรุงให้ผิวขาวสดใสเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติอยู่เสมอ
3. บริโภควิตามินซี และคอลลาเจน
วิตามินซีเป็นสุดยอดวิตามินแห่งการบำรุงผิวที่คนรักผิวต้องไม่พลาด เพราะเป็นวิตามินที่ช่วยในการดูแลผิวแบบที่เรียกได้ว่าแทบจะครบวงจร ไม่ว่าจะช่วยลดริ้วรอย ลดความหมองคล้ำของผิว ลดฝ้า กระ จุดด่างดำที่ไม่พึงประสงค์ รวมไปถึงช่วยให้ผิวสม่ำเสมอทั่วเรือนร่างอีกด้วย นอกจากนี้การรับประทานคอลลาเจนควบคู่ไปด้วยก็จะช่วยให้ผิวพรรณสวยเปล่งปลั่งเข้าไปอีก เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้คอลลาเจนทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น คอลลาเจนนั้นเมื่อทำงานเต็มประสิทธฺภาพก็จะทำหน้าที่เสริมสร้างความเรียบตึงให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ เปล่งปลั่งสดใส สุขภาพผิวแข็งแรงนั่นเอง
4. บริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่วิตามิน E
การรับประทานหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ วิตามินE สามารถช่วยให้ผิวพรรณของเราขาวขึ้นได้ค่ะ เพราะ วิตามิน E มีส่วนช่วยในการป้องกันผิวจากแสงแดด อย่างแสงอุลตร้าไวโอเล็ต (UV) นอกจากนี้วิตามิน E สามารถช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวของเรา ทำให้รอยสิวและจุดด่างดำต่าง ๆ ให้ดูจางลงได้อีกด้วย
5. บริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจาก Grape Seed
สารสกัดจาก Grape Seed คือสารสกัดจากเมล็ดองุ่น จัดเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เปี่ยมด้วยสารฟลาโวนอยด์ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าวิตามินซีและวิตามินอี มีส่วนช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส รวมไปถึงต่อต้านสารอนุมูลอิสระที่ทำลายคอลลาเจนบนผิวเรา
6.บริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีโคเอนไซม์ คิวเทน (Q10)
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิต มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างพลังงาน หากอายุมากขึ้นโคเอนไซม์คิวเทนในร่างกายจะลดลง ทำให้ผิวของเรามีริ้วรอย เหี่ยวย่น รวมไปถึงหมองคล้ำ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของโคเอนไซม์ คิวเทน (Q10) จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วงคงความอ่อนเยาวืและขาวกระจ่างใสให้กับผิวค่ะ
7. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นประจำ
การใช้ครีมบำรุงผิวเป็นประจำนอกจากจะทำให้ ผิวพรรณของเราชุ่มชื่นสุขภาพดีแล้ว หากเราเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทไวท์เทนนิ่งหรือผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผิวขาวด้วยแล้ว ก็จะยิ่งทำให้ผิวของเราขาวดูดีมีออร่าเพิ่มขึ้นได้ด้วย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือและดูปลอดภัย รวมไปถึงควรทาเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่องหลังอาบน้ำ ก็จะได้ผิวพรรณที่ขาวดูดีเป็นธรรมชาติค่ะ
8. พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่นสดใสไม่แห้งกร้านรวมถึงไม่หม่นหมองด้วยค่ะ โดยควรดื่มน้ำอย่างวัน 7 – 8 แก้ว โดยเฉพาะ คนไหนที่ต้องทำงานให้ห้องแอร์ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะจิบเป็นประจำระหว่างวัน ส่วนการนอนหลับให้เพียงพอก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญเพราะการนอนดึกทำให้ร่างกายผลิตคอลเจนน้อยกว่าปกติ ทำให้แก่ ทำให้เครียด ใบหน้าหมองคล้ำ ดังนั้น วิธีง่าย ๆ ถ้าอยากผิวดี ผิวสวย ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างนอนวัน 7 – 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
9. สครับผิว และทำทรีทเมนท์
การสครับผิว หรือการขัดตัวนั้นเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายออกไป ทำให้ผิวขาวสดใสมากยิ่งขึ้น ส่วนการทำทรีทเมนท์ก็เปรียบเสมือนเป็นการบำรุงให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเราสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เสริมบำรุงผิวของเราให้ขาวยิ่งขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
10. หลีกเลี่ยงการปะทะกับแสงแดดโดยตรง
แน่นอนว่าการออกแดดหรือปะทะแสงแดดโดยตรงทำให้ผิวสวย ๆ ของเราเสียอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเป้นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด หรือหากมีความจำเป้นจริง ๆ นอกจากจะใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดแล้ว ยังควรพกร่ม หมวก หรือใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวเพื่อป้องกันผิวจะแสงแดด
กินอะไรให้ขาว 11 อาหารที่ทำให้ขาวขึ้นได้จริง
คลิกที่บาร์แล้วเลื่อน <-|-> เพื่อดูข้อมูล
ทราบวิธีการปฏิบัติตัวกันไปบ้างแล้วก็มาถึงอาหารที่ดีต่อผิว อาหารผิวที่ทานแล้วขาวกันค่ะ แน่นอนว่าต้องเป็นอาหารที่สามารถหารับประทานได้ง่ายจากธรรมชาติ เพราะในธรรมชาติมีสารอาหารมากมายที่เป็นประโยชน์ และสามารถส่งเสริมสุขภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสได้ ถือเป็นสารบริสุทธ์ที่ส่งผลดีตามกระบวนการทำงานของร่างกายโดยตรง หากได้ลองรับประทานดูแล้วผิวของเพื่อน ๆ ทุกคน นอกจากจะขาวกระจ่างใสแล้วยังสุขภาพดีด้วยนะคะ
1. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์สารอาหารมากมายเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส หรือ วิตามิน อย่าง วิตามินบี และ วิตามินบี 12 ที่จะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำโยเกิร์ตมามาร์กหน้าเพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นกระจ่างใสภายใน 15 นาที เพียงแค่เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ที่มีน้ำตาลน้อย หรือไม่มีน้ำตาลยิ่งดี [8]
2. สาหร่ายทะเล
สาหร่ายทะเลมีสารอาหารมากมายอย่างแม็กนีเซียม ธาตุเหล็ก หรืออย่างวิตามินบี 12 ซึ่งช่วยในการมองเห็น บำรุงสมอง ลดความวิตกกังวล และที่สำคัญคือช่วยบำรุงผิว สาหร่ายทะเลสามารถปรับความสำดุลของเลือดได้ เมื่อเลือดมีความสมดุลก็ย่อมส่งผลต่อผิวพรรณให้กระจ่างใสขาวสว่างขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ [9]
3. ชาเขียว
ชาเขียวถือเป็นเครื่องดื่มที่ส่งผลดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพียงแค่ลดน้ำตาลลงมา ไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ชาเขียวก็อุดมไปด้วยสารที่มีชื่อว่าอีพิกัลโลคาเทชินกัลป์เลต ซึ่งมีฤทธ์ในการต้านอนิมูลอิสระซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่นหม่นหมอง ดื่มชาเขียววันละนิดเพื่อผิวขาวใส เต่งตึงกันเถอะ [10]
4. มะนาว
มะนาวผลเล็กๆกลับเต็มไปด้วยวิตามินซีที่จะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยในการลดเลือนรอยแผลเป็นได้อีกด้วย การผสมน้ำมะนาว 1 ผลชงกับน้ำเปล่า ดื่มตอนเช้านอกจากจะช่วยให้สดชื่นแล้ว ยังช่วยให้ผิวเราสุขภาพดียิ่งขึ้นอีกเช่นกัน เป็นอีกวิธีทำให้ขาวที่ได้ผลดีแถมยังทำได้ไม่ยากอีกด้วย นอกจากนั้นการทำน้ำมะนาวผสมน้ำเปล่าและน้ำผึ้งเพื่อขัดผิว ยังช่วยผิวขาวขึ้นได้อีกเช่นกัน [11]
5. ส้ม
เนื่องจากส้มจะมีวิตามินซีสูง ช่วยร่างกายของเราในการสร้างคอลลาเจนมากได้ขึ้น ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากมลภาะวะ ทำให้ผิวกระจ่างใส ขาวผ่อง เต่งตึงกระชับขึ้นได้ ไม่ว่าจะกินเลย หรือคั้นน้ำ เพียงแค่เป็นผลส้มสดก็อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย นอกจากนั้นเปลืองส้มหลังจากรับประทานแล้ว ยังนำไปตากแห้งและนำผงที่ได้ของเปลืองส้มมาขัดผิวหน้า จะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นทันตาเห็นเลยหละคะ [12]
6. มะเขือเทศ
มะเขือเทศถือเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เต็มไปด้วยสารอาหารมากมายทั้งวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และไลโคปีนที่จะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ [13]
7. อเซโรล่า เชอร์รี่
เชอร์รี่ผลไม้สีแดงลูกจิ๋วที่อุดมไปด้วยวิตามินซีปริมาณสูง ที่จะช่วยขับผิวของคุณให้ขาว และช่วยให้กระจ่างใสได้อย่างไม่ทำร้ายผิว อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ Vitamin C, Carotenoinds, Bioactive Flavanoids ทำให้ Acerola Cherry ในปัจจุบันเป็นอาหารเสริมวิตามินซีที่ได้ผลและเป็นที่นิยมมากกว่า Ascorbic Acid ทั่วไป [14]
8. ฝรั่ง
ฝรั่งผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่แม้จะไม่มีลดเปรี้ยวเหมือนผลไม้อื่นๆแต่ก็มี วิตามิน C และวิตามิน A สูงอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังให้พลังงานในปริมาณแคลอลี่ที่น้อยนิด นอกจากผิวจะช่วยให้ผิวขาวแล้ว การรับประทานฝรั่งบ่อยๆยังช่วยให้ผิวไม่แก่ก่อนวัย เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงมาก [15]
9. น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกถือเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพเพียงรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม น้ำมันมะกอกช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเพื่อขับสารพิษ เพียงเท่านี้ผิวก็จะขาวกระจ่างใสได้ จาก Blog ของ Suzy Levi , เธอพบว่าหลังจากรับประทานน้ำมันมะกอกวันละ 2 ช้อน ช่วยให้ผิวและสุขภาพของเธอดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด [16]
10. แตงกวา
แตงกวาเป็นที่รู้กันดีว่าช่วยให้ผิวขาวขึ้น ลดจุดด่างดำ ลดรอยแดง ลดผิวคล้ำรอบดวงตาอย่างได้ผลจากการผ่าแตงกวาไปแปะไว้บนผิวหน้า ซึ่งนอกจากการใช้ภายนอกที่จะช่วยเรื่องผิวพรรณแล้ว . . . การรับประทานแตงกว่ายังช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินที่ส่งผลให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นได้อีกด้วย ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเขี่ยแตงกวาออกจากข่าวมันไก่กันอีกต่อไป เพราะในแตงกวามีสารอาหารมากมาย และยังอุดมไปด้วยน้ำ ที่จะบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี [17]
11. น้ำ
น้ำเปล่าธรรมดาๆแต่กลับเต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย การดื่มน้ำสะอาดอย่างเป็นประจำช่วยในการทำงานของร่างกาย แถมช่วยในการปรับสมดุลและล้างสารพิษของระบบต่างๆ เมื่อร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น ผิวพรรณก็เปล่งปลั่งได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว แนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันเพื่อผิวที่ชุ่มชื่นและดูสว่างสดใสนะคะ [18]
กลูต้าไธโอนช่วยให้ขาวจริงหรือไม่ ?
หลาย ๆ คนคงเคยได้เห็นหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับ กลูต้าไธโอน (Glutathione) หรือ กลูต้า ที่เราเรียกติดปากกันอยู่ประจำ กลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เรานั้นสร้างขึ้นได้เองบริเวณตับ มีหน้าที่เป็นโปรตีนปกป้องเนื้อเยื้อบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พร้อมขจัดสารพิษในตับแล้วขับออกจากร่างกาย ทั้งยังสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาวได้ ดังนั้นเมื่อคุณรับกลูต้าไธโอนเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสมแล้วก็จะช่วยให้สีผิวที่คล้ำเปลี่ยนเป็นเฉดสีที่สว่างใสขึ้นได้ [19]
ดังนั้นกลูต้าไธโอนไม่ได้เป็นอันตรายอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะกลูต้าไธโอนเป็น หนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์มากที่สุด ที่มักนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และที่สำคัญมาก ๆ ยังช่วยรักษาตับและช่วยขจัดสารพิษในร่างกายของเราอีกด้วย [20]
สำหรับการใช้กลูต้าไธโอนเพื่อประโยชน์ทางด้านผิวพรรณนั้น มีอยู่แบบหลัก ๆ ด้วยกันคือ การฉีดเข้าสู่ผิวหนัง และ รับประทานเป็นอาหารเสริม การรับกลูต้าแบบฉีดนั้น ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เพราะหากไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเครื่องมือไม่ได้มาตรฐานก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ดังนั้นวิธีการใช้กลูต้าไธโอนที่ดีและปลอดภัยสุดก็จะเป็นการรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน โดยจำกัดอยู่ที่ 500 มิลลิกรัม ต่อหนึ่งวัน และควรแบ่งรับประทานเช้าและเย็น ครั้งละ 250 มิลลิกรัม จะดีที่สุด ทั้งนี้ก่อนการรับประทานทุกครั้งก็ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวค่ะ [21]
ผิวขาวกระจ่างใสไม่กลัวแดดด้วย SERINA SUN
นวัตกรรมเพื่อผิวขาวอย่างยั่งยืนด้วย L-Glutathione + Fernblock
อาหารเสริมผิวขาวที่ไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวสามารถปกป้องแสง UV ได้อีกด้วย ด้วยนวัตกรรมอาหารเสริมวิตามินกันแดดแบบกิน+กลูต้าไธโอน ผสานคุณสมบัติหลักของ Glutathione และ Fernblock เข้าด้วยกัน อยากขาวทั้งตัว Serina Sun ช่วยได้
1. L-Glutathione
สารสกัดที่มีส่วนช่วยในการลดการสร้างเมลานิน สาเหตุของผิวหมองคล้ำ และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป้นต้นเหตุของริ้วรอย และผิวเหี่ยวย่นด้วย
2. Fernblock
นวัตกรรมใหม่ล่าสุด เป้นสารสกัดสำคัญที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอันตรายของรังสี UV ช่วยลดอันตรายของรังสี UV ที่มีต่อผิว ได้อย่างดีเยี่ยม เผื่อให้ผิวขาวกระจ่างใสไม่กลัวแดด
นอกจากนั้น Serina Sun ยังอัดแน่นไปด้วยคุณค่าจากสารอาหารผิวทั้ง 8 สารสกัดจากธรรมชาติ อาทิ Salmon Collagen Peptide , Pomegranate , Alpha Lipoic , Vitamin C , Astaxanthin , Coenzyme Q10 , Pine Bark , Grape Seed
คุณสมบัติครบจบในกล่องเดียวช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสตั้งแต่ระดับเซลล์ ดูดซึมเข้าสู่เซลล์โดยตรงอย่างรวดเร็ว เพื่อผิวกระจ่างใส ขาวทั้งตัว ผิวสวยเรียบเนียนทุกองศา พร้อมฟื้นฟูผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพไม่ว่าจะนอนดึก,ดื่มหนัก,พักน้อย หรือเจอแดดแรงขนาดไหนก้ไม่หวั่น
เอกสารอ้างอิง
- http://observer.com/2017/04/effects-of-stress-on-skin-complexion/
- https://www.dovemed.com/healthy-living/wellness-center/does-lack-sleep-make-you-age-faster/
- https://www.verywellmind.com/smoking-and-vitamin-depletion-2825319
- https://www.theguardian.com/fashion/2017/jun/01/lights-off-is-the-glare-from-your-computer-really-ageing-your-skin
- https://www.mnn.com/health/healthy-spaces/stories/is-air-conditioning-bad-for-your-skin
- https://www.besthealthmag.ca/best-looks/makeup/dull-skin-makeup-mistakes/view-all/
- https://www.nourishedlife.com.au/article/60066/28-days-naturally-glowing-skin.html
- https://www.skincarewellness.com/nutrition/8-super-benefits-your-skin-can-get-from-yogurt/
- http://www.greenorganics.com.au/organic-natural-skin-care-products/top-10-natural-seaweed-skin-care-health-benefits/
- https://www.teamiblends.com/11_ways_green_tea_improves_skin_complexion
- https://www.wikihow.com/Use-a-Lemon-to-Lighten-Your-Skin
- https://fitlife.expertscolumn.com/11-beauty-benefits-orange-how-use-orange-juice-your-beauty-applications-beauty-uses-oranges
- http://lycopene.com/news-events/tomato-benefits-for-skin/
- https://www.ubereen.com/acerola-cherry/
- https://food.ndtv.com/health/15-amazing-guava-benefits-heart-healthy-weight-loss-friendly-and-more-1244242
- http://dailydose.typepad.com/suzy-levis-daily-dose/2009/11/olive-oil-what-one-tablespoon-a-day-can-do-for-you.html/
- http://www.dermanities.com/cucumber-help-lighten-skin
- https://www.uwhealth.org/madison-plastic-surgery/the-benefits-of-drinking-water-for-your-skin/26334
- http://www.ijdvl.com/article.asp?issn=0378-6323;year=2016;volume=82;issue=3;spage=262;epage=272;aulast=Sonthalia
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15386533
- https://www.acsh.org/news/2016/09/02/skin-bleaching-glutathione-becoming-dangerous-fad-9972