เชื่อว่าทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าแสงแดดมีประโยชน์ต่อสุขภาพเรามากเพราะเป็นแหล่งของวิตามินดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น นอกจากนี้แคลเซียมยังมีส่วนในการเสริมสร้างกระดูกเพื่อการเจริญเติบโตอีกด้วย ผิวหนังคนเราสามารถสร้างวิตามินดีได้ เมื่อได้รับแสงอัลตราไวโอเลตชนิดบี ซึ่งในการผลิตวิตามินดีนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้แสงแดดมาก เพียงแค่ให้แสงแดด ส่องบริเวณใบหน้า แขน ขา เป็นเวลา 10-15 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้แสงแดดจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่แสงแดดก็มีโทษต่อสุขภาพผิวได้เช่นกัน เพราะแสงแดดจะทำให้สีผิวมีความผิดปกติ เช่น ฝ้า กระ ทำให้ผิวไหม้เกรียม ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ผิวลดน้อยลง เกิดการแพ้แดด ทำให้ผิวมีริ้วรอย เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัยอันควรและที่ร้ายแรงที่สุดคือทำให้เกิดมะเร็งของผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโรคที่อากตามมาเมื่อถูกแสงแดด เช่น โรคลมพิษจากแสงแดด โรคเอสแอลอี ตาเป็นต้อ โรคเริม เป็นต้น ขณะเดียวกันยาหลายชนิด เช่น ยาลดความดันเลือด ยาปฏิชีวนะ ยาสตีรอยด์ ยารักษาสิว และยาต้านมะเร็ง ก็อาจทำให้ผิวหนังมีความไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ รวมทั้งขณะตั้งครรภ์ ด้วย
เชื่อเลยว่าคนส่วนใหญ่มักคิดว่าวันที่มีเมฆหนาๆมาบังแดด เวลาฝนตกหรือหน้าหนาว ไม่น่าจะเกิดอันตรายต่อผิวหนังได้ แต่ความจริงแล้ว ถึงแม้จะเป็นวันที่มีเมฆหมอกเยอะ แต่หากยังมีแสงสว่างพอที่จะอ่านหนังสือได้ แสงยูวีก็ยังสามารถส่องผ่านมาถึงได้เหมือนเดิม ซึ่งผิวหนังอาจได้รับผลเสียจากแสงแดด และเกิดผิวไหม้ได้มากกว่าปกติ เพราะลมจากเมฆหมอกที่พัดแรงจะทำให้รู้สึกเย็นสบาย จนหลายคนอาจเผลออยู่กลางแดดนานโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกหนึ่งกรณีคือ เวลาเดินทางไปต่างจังหวัดและเดินทางนานๆ หลายคนมักชอบเปิดหน้าต่างรถให้ลมพัดโกรกเข้ามา ซึ่งสุดท้ายแล้วมารู้ตัวอีกทีหน้าก็ดำคล้ำลงทันทีเมื่อถึงที่หมาย อีกกรณีคือการอยู่บนภูเขา ก็สามารถทำให้ผิวมีโอกาสได้รับอันตรายจากแสงแดดมากกว่าปกติด้วย เพราะพื้นที่สูงจะมีชั้นบรรยากาศ ที่ดูดซับรังสีจากแสงอาทิตย์ได้น้อยกว่าที่ราบลุ่ม
หากอยากอ่านเกี่ยวกับภัยของแสงแดดที่ส่งผลต่อผิวขาวสวยของคุณ สามารถอ่านต่อได้โดย >>> คลิกที่นี่